หากธุรกิจคุณต้องพึ่งพาแดด ตู้อบแห้ง Master Shef เราช่วยคุณได้
วิธีดูว่าวัตถุดิบที่นำมาใช้กับตู้อบแห้งได้หรือไม่นั้น หากในขั้นตอนการผลิตต้องตากแดด / ผึ่งแดด เป็นวัน ๆ หรือหลายชั่วโมง ให้อาหาร / วัตถุดิบแห้ง โดยการไล่ความชื้น
เช่น เนื้อสัตว์แดดเดียว, ผลไม้อบแห้ง, สมุนไพรอบแห้ง, ขนมไทยบางชนิดที่ต้องพึ่งพาแดด ตากให้แห้งในกระบวนการทำ เช่น ขนมอลัว, ขนมฟักเชื่อม, วุ้นกรอบ, ข้าวเกรียบดิบ, ข้าวแต๋นดิบ
บอกลาการตากแดด ผึ่งแดดแบบเดิม ๆ ไปได้เลย
ตากแห้งปลาสลิด
ตากแห้งข้าวเกรียบ
ตากแห้ง ปลานิล
ตากแห้งข้าวเแต๋น
ตู้อบลมร้อน อบแห้ง Master Shef ใช้แทนการตากแดดแบบดั้งเดิม
ตู้อบแห้งเป็นนวัตกรรมที่มาแทนที่การตากแดดแบบดั้งเดิม ตอบโจทย์ผู้ประกอบการ ที่ต้องการควบคุมการผลิตให้ได้ในเวลาที่ต้องการ, แสงแดดมีปริมาณน้อย, มีพื้นที่มีจำกัด มีหน้าที่แปรรูปให้อาหารหรือวัตถุดิบแห้ง
โดยจะมีหน้าที่ไล่ความชื้นทำให้แห้ง, ไล่น้ำมัน หรืออบให้แห้ง (ใช้ทดแทนการตากแดด) ป้องกันการเกิดเชื้อรา ช่วยยืดอายุเก็บรักษาได้นานยิ่งขึ้น และนำไปต่อยอดเพิ่มมูลค่าโดยปรับแพคเกจจิ้ง ด้วยวิธีซีลสูญญากาศ
ความแตกต่างระหว่าง เครื่องอบลมร้อน กับตู้อบทั่วไป ต่างกันยังไง ?
ตู้อบลมร้อน
ใช้หลักการอบวัตถุดิบ ด้วยความร้อนที่อุณหภูมิไม่สูงมาก (ประมาณ 40 องศา – 90 องศา) โดยจะอุณหภูมิในช่วงนี้ จะค่อย ๆ ไล่ความชื้น ไล่น้ำมัน ให้วัตถุดิบแห้ง เหมือนการตากแดด (ทดแทนการตากแดดเดียวแบบวิธีดั้งเดิม) โดยที่วัตถุดิบจะยังไม่สุก
ตู้อบทั่วไป
ใช้หลักการอบความร้อนสูงกว่า (ประมาณ 150 องศา – 200 องศา) โดยอุณหภูมิช่วงนี้ จะทำให้วัตถุดิบสุกพร้อมทาน
หลักการทำงานของตู้อบแห้ง เหมือนการตากแดด
ตัวเครื่องจะทำความร้อนด้วยขดลวดฮีตเตอร์ โดยจะคอยควบคุมให้อุณหภูมิได้ตามที่ตั้งค่าไว้ และใช้พัดลมช่วยเป่าลมร้อนกระจายไปทั่วตู้อบแห้ง
ด้วยพัดลมและฮีตเตอร์ที่ติดตั้งอยู่ด้านหลัง (จุดเด่นของแบรนด์ Master Shef) ทำให้ไม่ต้องมาคอยสลับถาดไปมา หรือพลิกกลับไปมาเหมือนการตากแดดทั่ว ๆ ไป
ลูกค้าที่เลือกใช้ Master Shef (มาสเตอร์ เชฟ)
ธุรกิจชั้นนำ, เครือโรงแรมขนาดใหญ่ และธุรกิจ SME แปรรูปอาหาร เพิ่มมูลค่าสินค้า ถนอมอาหารด้วยการอบแห้ง
ภาพความสำเร็จจากลูกค้า
ปลาแดดเดียว
เนื้อแดดเดียว
กล้วยอบน้ำผึ้ง
มะม่วงอบแห้ง
ผลไม้อบแห้ง
ข้าวเกรียบดิบ
ขนมอลัว
ขนมวุ้นกรอบ
ขนมฟักเชื่อม
ตอบโจทย์ SME แปรรูปและถนอมอาหาร
ลูกค้าที่ใช้สินค้าเรา
ราย
อบแห้งไปแล้ว
พันกิโลกรัม
เพิ่มมูลค่าได้
พันบาท
*เพิ่มมูลค่าได้ 140,000 บาท / ราย